วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ICT ในการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ

บทความ เรื่อง ICT ในการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ

ปัจจุบันพัฒนาการทางเทคโนโลยีสารสนเทศก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการประยุกต์ใช้งานอย่างกว้างขวาง คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตได้เข้ามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้เพราะเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และระบบสื่อสารโทรคมนาคมสามารถประมวลผลข้อมูลข่าวสารได้เร็ว และสื่อสารกันได้สะดวก เทคโนโลยีดังกล่าวจึงเรียกรวมว่า ICT - Information and Communication Technology ไอซีที มีบทบาทต่อการศึกษาอย่างมาก โดยเฉพาะการประยุกต์ในระบบการศึกษา ดังกระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (พ.ศ. 2547 - 2549) ไว้ว่า “ผู้เรียน สถานศึกษา และหน่วยงานทางการศึกษา ทุกแห่งมีโอกาสเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต การบริหารจัดการ การวิจัย การพัฒนาอาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยได้รับบริการอย่างทั่วถึง เท่าเทียม มีคุณภาพและประสิทธิภาพ นำไปสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้”

พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กำหนดแนวทางในการปฏิรูปการศึกษาไทย โดยให้ความสำคัญ กับผู้เรียนเป็นหลัก เพื่อรองรับกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยี ให้ความสำคัญสูงสุดในกระบวนการการปฏิรูปการเรียนรู้ ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มศักยภาพ สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และรู้จักแสวงหาความรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต จัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง การปฏิบัติให้คิดเป็น ทำเป็น ปลูกฝังคุณธรรมในทุกวิชา มีเป้าหมายให้ผู้เรียนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุขอย่างแท้จริง



ลักษณะการใช้ ICT

· การสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต

· การนำข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาใช้งาน

· การสร้างแหล่งข้อมูลด้วยตนเอง

แผนหลักใช้ ICT เพื่อพัฒนาการศึกษา

กระทรวงศึกษาธิการมีภารกิจหลักที่จะต้องดูแลเด็กและเยาวชนทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน รวมแล้วประมาณ 18 ล้านคน ให้ได้รับการศึกษาภาคบังคับ (9 ปี) และการศึกษาขั้นพื้นฐานในเบื้องต้น (12 ปี) รวมทั้งสนับสนุนให้เรียนถึงระดับอุดมศึกษา ตามศักยภาพของแต่ละคนเพื่อสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ รวมทั้งเป็นกำลังงานของประเทศชาติ ช่วยพัฒนาด้านต่าง ๆ ให้สังคมร่มเย็นเป็นสุขและสามารถไปสู่เป้าหมายข้อหนึ่งที่รัฐบาลระบุไว้ คือ เพื่อให้เป็นสังคมแห่งคุณธรรม ภูมิปัญญาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีการสร้างเสริม ต่อยอดการเรียนรู้และสร้างมูลค่าเพิ่มอยู่ตลอดเวลา

นโยบายการเร่งใช้ ICT (Information and Communication Technology) เพื่อพัฒนาการศึกษาในทุกด้านโดยเฉพาะการช่วยพัฒนา ครู อาจารย์ การช่วยให้เด็กและเยาวชนได้เข้าถึงแหล่งความรู้และได้เรียนอย่างทัดเทียมกัน การพัฒนาระบบบริหารจัดการให้ฉับไว มีประสิทธิภาพสูงสุด การจัดเครื่องมืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์และการเชื่อมโยงเครือข่ายจึงเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวง ศึกษาธิการ

แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ.2547-2549) ที่จัดทำโดยผู้ทรงคุณวุฒิจากส่วนราชการและภาคเอกชนภายนอกที่เกี่ยวข้องและผู้แทนระดับ CIO (Chief Information Officer) ของแต่ละกรมของกระทรวงศึกษาธิการ มีรายละเอียดขั้นตอน วิธีการทำงานชัดเจนมาก แต่ในที่นี้ขอกล่าวเฉพาะยุทธศาสตร์ 4 ประการที่แผนหลักนี้ระบุไว้ เพื่อไปสู่ความสำเร็จ คือ 1) การใช้ ICT เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ 2) การใช้ ICT เพื่อการบริหารและบริการทางการศึกษา 3) การผลิตและการพัฒนาบุคลากร และ 4) การกระจายโครงสร้างพื้นฐาน ICT เพื่อการศึกษา



ในเรื่องการใช้ ICT เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ มีเป้าหมายให้ผู้เรียนทุกคนมีโอกาสเข้าถึงและสามารถใช้ ICT ตามมาตรฐานหลักสูตร ซึ่งจะประกอบด้วยเรื่องสำคัญ อาทิ ความหมายของข้อมูล แหล่งข้อมูล การจัดเก็บและเรียกใช้ ส่วนประกอบหลักของคอมพิวเตอร์ ประโยชน์ และการใช้ระบบปฏิบัติการ การใช้คอมพิวเตอร์ การใช้เทคโนโลยีกับภูมิปัญญาท้องถิ่นและสากลความรู้และการใช้เครือข่ายค้นคว้า วิเคราะห์ภาษาคอมพิวเตอร์ และการพัฒนาโปรแกรม ซึ่งกรอบหลักสูตรดังกล่าว จะมีความยากง่าย เป็นขั้นตอน ครู อาจารย์ จะเป็นส่วนสำคัญมากที่จะพัฒนาความรู้ กระบวนการ ถ่ายทอดความรู้ ให้เด็กเรียนอย่างเข้าใจและสนุกสนาน รวมทั้งใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต คุณภาพการทำงานของครู อาจารย์ เด็กและผู้ปกครองที่เกี่ยวข้องทุกคน

นอกจากนั้นในแผนหลัก กระทรวงศึกษาธิการจะจัดทำและสนับสนุนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) อย่างน้อยปีละ 1,000 เล่ม เพื่อเสริมการเรียนการสอน (ปัจจุบันกรมวิชาการได้จัดทำแล้วประมาณ 500 เล่ม) จะมีศูนย์รวมสื่อและมีห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library) เพื่อให้บริการนักเรียนและประชาชนทุกเขตพื้นที่การศึกษา มีการวิจัยพัฒนาการประยุกต์ใช้ ICT อย่างน้อยปีละ 100 เรื่อง มีหลักสูตร ICT ในระดับการศึกษาพื้นฐาน อาชีวศึกษา อุดมศึกษา และการศึกษานอกโรงเรียน รวมทั้งมีการทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัย และโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ทั้งของรัฐบาลและเอกชน เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ไปสู่การศึกษาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด

ในส่วนของการใช้ ICT เพื่อการบริหารและบริการทางการศึกษา มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการในระดับเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาเพิ่มจากระดับกระทรวง ระดับกรมที่ตั้งเรียบร้อยแล้วมีข้อมูลทะเบียนนักเรียนโดยใช้ระบบ EIS (Educational Information Systems) ซึ่งจะมีการใช้เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก เป็นตัวเชื่อมโยงและรวบรวมข้อมูล ซึ่งสามารถติดตามความก้าวหน้า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนติดตามเพื่อให้การช่วยเหลือกรณีที่อยู่ในกลุ่มยากไร้ ด้อยโอกาสหรือพิการ หรือเป็นกลุ่มมีความสามารถพิเศษ ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้จะสามารถถ่ายโอนไปยังโรงเรียนแห่งใหม่ได้โดยสะดวก มีระบบบริหารงานบุคคล ระบบงานสารบรรณ ระบบห้องสมุด ซึ่งจะเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อการค้นคว้าที่กว้างขวางขึ้นได้ ระบบบริหารพัสดุครุภัณฑ์ ระบบบริหารสถานศึกษาโดยจะนำระบบ GIS (Geographic Information Systems) เข้ามาช่วยในการดูแลการจัดสรรทรัพยากรการจัดการในระดับพื้นที่

สำหรับด้านการผลิตและพัฒนาบุคลากร มุ่งด้านพัฒนาครู อาจารย์ ให้สามารถใช้ ICT ช่วยให้การสอนมีความน่าสนใจ สนุกสนาน ค้นคว้าต่อยอด ความรู้ประสบการณ์จากที่มีอยู่เดิม (ครู อาจารย์ทั้งหมดประมาณ 522,000 คน อบรมไปแล้ว 353,000 คน คิดเป็นประมาณร้อยละ 67 แผนหลักนี้จะเร่งดำเนินการในส่วนที่เหลือโดยสถาบันราชภัฏทั่วประเทศเป็นเจ้าภาพเรื่องนี้ ร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และภาคเอกชน ซึ่งดำเนินการหลายโครงการ อาทิ โครงการอบรมโปรแกรม Think.com และโครงการ Intel Teach to the Future โครงการความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่น JICA (Japan International Cooperation Agency) ความร่วมมือจากองค์การ Unicef เป็นต้น ซึ่งในจำนวนนี้จะมีครู อาจารย์ จำนวนมากที่จะสามารถพัฒนาโปแกรมเพื่อช่วยการสอน CAI (Computer Assisted Instruction) ได้เอง ปัจจุบันมีการประกวด Website และ CAI โดยมีผู้สนใจส่งเข้าประกวดหลายร้อยรายการ

นอกจากนั้นในแผนนี้ยังมุ่งผลิตบุคลากรที่สามารถเขียนและพัฒนาโปรแกรมได้เอง โดยปูพื้นฐานนักเรียนมัธยมศึกษาและต่อยอดที่ระดับอุดมศึกษา เพื่อให้เป็นกำลังสำคัญในการผลิตทรัพย์สินทางปัญญา ลดการนำเข้า และสร้างความสามารถในการแข่งขัน ในระดับนานาชาติ ให้ประเทศชาติแข็งแรงและมีความมั่นคงในด้านนี้ต่อไปด้วย

ในเรื่องการกระจายโครงสร้างพื้นฐาน ICT เพื่อการศึกษา แผนหลักได้ระบุพันธกิจและเป้าหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะศูนย์สารสนเทศ กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานด้านสารสนเทศของกรมเป็นเจ้าภาพ ให้จัดหาและสนับสนุนเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ประกอบ และที่สำคัญ คือการทำงานร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อต่อเชื่อมเครือข่าย Internet จากเดิมที่ไม่ทั่วถึง ให้เป็นเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ (EdNet) โดยจะมีการต่อเชื่อมไปยังโรงเรียนมัธยมศึกษาและประถมศึกษาที่สอนมัธยม ภายในปีงบประมาณ 2546 และ 2547 และโรงเรียนประถมศึกษาทุกแห่ง ภายในปีงบประมาณ 2548 ตามลำดับ (จำนวนโรงเรียนทั้งสิ้น 37,000 โรงเรียน) โดยทุกตำบลจะมีโรงเรียนอย่างน้อย 1 แห่ง มีห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ในช่วงเวลาที่รัฐบาลโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กำลังให้จองคอมพิวเตอร์รุ่น "สินสมุทร" และ "สุดสาคร" ที่มีคุณภาพมาตรฐานและราคาย่อมเยานั้น ท่านปองพล อดิเรกสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธาน การจัดทำแผนแม่บทของกระทรวงฉบับนี้ ได้ให้กรมสำรวจความต้องการของครู อาจารย์ และ บุคลากรที่เกี่ยวข้องเพื่อจะได้สั่งจองในภาพรวม ซึ่งจะช่วยให้มีเครื่องมือนี้ทำงาน เป็นการช่วยเสริมการจัดหาของราชการอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้จะจัดหาโปรแกรมมีลิขสิทธ์ตามกฎหมายหรือโปรแกรมที่เป็นชนิด open source เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนและบริหารจัดการ ทั้งนี้จะรวมถึงการเชื่อมโยงเครือข่ายไปยังโรงเรียนสมบูรณ์แบบของทุกอำเภอที่เป็นนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการในช่วงกำลังดำเนินการนี้ด้วย

ปัจจุบันกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งนอกจากจะเป็นกำลังสำคัญด้านวางโครงสร้างให้ทั่วถึงและกระจายเครือข่ายให้สมบูรณ์ (โรงเรียนในฝัน) รวมทั้งประสานการผลิตคอมพิวเตอร์รุ่นพิเศษแล้ว ยังช่วยระดมการบริจาคเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่ใช้แล้วแต่ยังมีคุณภาพใช้ได้ สมทบกับ "โครงการปลูกต้นกล้าปัญญาเด็กไทย" ที่ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง (ดร.สิริกร มณีรินทร์) เป็นประธานการดำเนินการ ทำให้กระทรวงศึกษาธิการ มีเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำคัญเพิ่มขึ้น จากที่ได้รับบริจาคไว้ รอตรวจสอบสมรรถนะ จากศูนย์ซ่อมบำรุง สังกัดกรมอาชีวศึกษา พร้อมจะจัดสรรทยอยให้โรงเรียนที่ขาดแคลนอุปกรณ์ด้านนี้ นับหมื่นเครื่อง ซึ่งจะช่วยลดภาระรัฐในการจัดหาเครื่องโดยเงินงบประมาณแผ่นดิน ในช่วงเวลาที่งบประมาณแผ่นดินยังมีค่อนข้างจำกัดนี้ได้เป็นอย่างมาก

แผนหลักด้าน ICT ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งกำหนดกรอบงบประมาณรวม 22,885 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามยุทธศาสตร์หลักในช่วงเวลา 3 ปีดังกล่าวแล้วนั้น มิใช่แผนหลักที่เป็นความฝัน แต่เป็นแผนที่เป็นจริงได้และส่วนหนึ่งเป็นจริงแล้ว การทำงานด้านพัฒนาครู อาจารย์ และบุคลากรที่เกี่ยวข้องจะดำเนินให้ได้ครบถ้วน การมุ่งใช้ ICT ช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ การบริหารการจัดการการ การจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ การเชื่อมโยงเครือข่าย การจัดทำ Website ของสถานศึกษา การแลกเปลี่ยนความรู้ แนวคิดผ่านเครือข่าย จะมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้นและจะสมบูรณ์มากขึ้น นอกจากนั้น มิติการทำงานกับชุมชน องค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีความเป็นรูปธรรมอย่างเห็นได้ชัด

ตัวชี้วัดส่วนหนึ่ง คือ Website ของเขตพื้นที่การศึกษาและของโรงเรียนที่มีเพิ่มขึ้นทุกวัน จำนวน CAI ที่ครู อาจารย์ทุกระดับ รวมทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัย ร่วมกับนักวิชาการด้านคอมพิวเตอร์พัฒนามีแพร่หลายในงานนิทรรศการและวงการธุรกิจด้านนี้ เห็นได้ชัดเจนทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ และจะมีมากขึ้นอีก จำนวน e-mail ที่ส่งถึงกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เป็นหนังสือราชการมากขึ้น มีความเป็นวิชาการ มีส่วนของความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ต่อยอดกันมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมี Website ที่เด็กนักเรียนสร้างขึ้นเป็นส่วนตัวมีเพิ่มขึ้นเป็นการเอื้อต่อการระดมกำลังกัน ร่วมกันทำงาน เสริมความรู้ซึ่งกันและกันทำให้การเรียนรู้เป็นประโยชน์มากกว่าการรู้แบบแยกส่วน แบบต่างคนต่างรู้ ซึ่งการเสริมกำลังความรู้กันนั้นทำให้หนึ่งบวกหนึ่งมีค่ามากกว่าสองจะเป็นประโยชน์และสร้างความเข้มแข็งทางพลังปัญญา ช่วยในการพัฒนาด้านต่าง ๆ แก่ประเทศชาติโดยรวม ได้มากขึ้นแน่นอน

ดร.สิริกร มณีรินทร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า บทบาทของกระทรวง ศึกษาธิการต่อการศึกษาไทยในอนาคตนั้น ในพระราชบัญญัติการศึกษาได้แบ่งการปฏิรูปการศึกษา เป็น 5 ด้าน ซึ่ง ฯพณฯ รมต. ปองพล อดิเรกสารเรียกว่า ปัญจปฏิรูป ซึ่งประกอบด้วย

1) ปฏิรูประบบการศึกษา เร่งดำเนินการการเรียนรู้ตลอดชีวิต, การบูรณาการการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบโรงเรียน และการศึกษาตามอัธยาศัย, การเทียบโอนผลการเรียนรู้, การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน, การศึกษาปฐมวัย, การศึกษาภาคบังคับ 9 ปี, การศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ และผู้มีความสามารถพิเศษ ,การปฏิรูปอาชีวศึกษา, และ การปฏิรูปอุดมศึกษา การปฎิรูปที่กล่าวมาข้างต้นนี้เน้นให้ทุกส่วนของสังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา

2) ปฏิรูปการเรียนรู้ โดยให้มีการเรียนรู้เต็มตามศักยภาพของผู้เรียน, เชื่อมโยงหลักสูตรสาระ การเรียนรู้ของ ผู้เรียนตั้งแต่อายุ 0-20 ปี, ปฏิรูปวิธีการเรียนรู้และการสอนโดยใช้กระบวนการวิจัย, ใช้แหล่งเรียนรู้ทุกรูปแบบ, ประเมินผลจากพัฒนาการของผู้เรียน และใช้วิธีที่หลากหลายในการจัดสรรโอกาสการเข้าศึกษาต่อ

3) ปฏิรูประบบการบริหารและการจัดการศึกษา ส่วนกลาง กำหนดนโยบาย แผนมาตรฐานการ ศึกษา สนับสนุน ทรัพยากร ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล, กระจายอำนาจการบริหารและ การจัดการศึกษาไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, การมีส่วนร่วม ของผู้เกี่ยวข้องในการบริหารสถานศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษาในรูปองค์คณะบุคคล, ส่งเสริม การจัดการศึกษาของเอกชน และให้ระบบการประกันคุณภาพเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารสถานศึกษา

4) ปฏิรูปครูและบุคลากรทางการศึกษา มีการเร่งพัฒนาครูประจำการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน, การยกย่องและให้ผู้นำครูสร้างเครือข่ายปฏิรูปการเรียนรู้, การผลิตครูใหม่, ยกฐานะครูเป็นผู้ประกอบ วิชาชีพชั้นสูง, กระจายอำนาจการบริหารงานบุคคลไปยังเขตพื้นที่การศึกษา, สนับสนุนเงินเดือนและ ค่าตอบแทนที่สอดคล้องกับมาตรฐานวิชาชีพ และสนับสนุนให้ครูภูมิปัญญาไทยในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา

5) ปฏิรูปทรัพยากร มีการระดมทรัพยากรจากทุกส่วนของชุมชนเพื่อการเรียนรู้, จัดสรร ทรัพยากรอย่างทั่วถึง เสมอภาค และเป็นธรรม รวมทั้งเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากรเพื่อการศึกษา

“ทั้งนี้ คนไทยควรจะได้รับการพัฒนาและส่งเสริมให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นคนดี คนเก่ง มีความสุข รักการเรียนรู้ พึ่งตนเองได้ มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนเพื่อความมั่นคงของ มนุษย์ และพร้อมก้าวทันสังคมโลก ในส่วนของ ICT นั้น ผู้เรียน สถานศึกษาและหน่วยงานทาง การศึกษาทุกแห่ง ควรมีโอกาสเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต การบริหารจัดการ การวิจัย การพัฒนาอาชีพ การพัฒนา คุณภาพชีวิตโดยได้รับบริการอย่างทั่วถึง เท่าเทียม มีคุณภาพและประสิทธิภาพนำไปสู่สังคมแห่ง ภูมิปัญญาและการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตระทรวงศึกษาธิการได้มีการดำเนิน โครงการต่าง ๆ อาทิ การแก้ปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา โครงการรักการอ่าน การจัดการศึกษา สำหรับผู้อยู่นอกระบบ การพัฒนาห้องสมุด ที่อ่านหนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้าน การปฏิรูปกระบวนการ เรียนรู้ การนำหลักสูตรใหม่ไปประยุกต์ใช้การพัฒนาครูทั้งระบบ

นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการยังได้ดำเนินการจัดตั้ง วิทยาลัยชุมชนขึ้น 10 แห่ง คือ วิทยาลัยชุมชนจังหวัดตาก, พิจิตร, อุทัยธานี, บุรีรัมย์, สระแก้ว, มุกดาหาร, หนองบัวลำภู, ระนอง,แม่ฮ่องสอนและนราธิวาส

ปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการได้มีการกำหนดให้ ICT เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาหลักสูตร ทั้งในระดับประถมและมัธยมศึกษาและมีนโยบายเน้นให้ใช้ ICT เป็นเครื่องมือครูในการพัฒนา คุณภาพของนักเรียน การร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับภาคเอกชน มูลนิธิ รวมทั้งองค์กร ต่างประเทศในการให้ การอบรมครูเพื่อนำเอาความรู้ทางด้าน ICT เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน อาทิ โครงการ Think.com เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับบริษัท Oracle เน้นการนำเอา ICT มาใช้ในการเรียนการสอนในชั้นเรียน โครงการ Intel Teach to the Future เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับบริษัท Intel เน้นการนำเอา ICT มาเพื่อสนับสนุน การเรียนการสอน ให้ครูแต่ละกลุ่มสาระวิชานำเอา ICT มาใช้ในการเรียนการสอน โครงการความ ร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการและ British Council เน้นการใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสาร ให้นักเรียน ครู อาจารย์ ในประเทศไทยได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และดำเนินโครงการ ร่วมกับนักเรียน ครู อาจารย์ในประเทศอังกฤษ โครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐบาลญี่ปุ่น (JICA) เพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมด้าน IT และ ฝึกอบรมครู บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนในด้านความรู้ความสามารถด้าน IT โครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กับ Edgewood College โดยเน้นภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา การเตรียมความพร้อมของครูเพื่อ รองรับการปฏิรูปการเรียนรู้ และการจัดทำเครือข่ายทางการศึกษา เช่น โครงการแลกเปลี่ยนนักเรียน ครู ผู้บริหาร การจัด Bilingual Education การพัฒนาจริยศึกษา การดำเนินงานในเรื่อง Choice School และความร่มมือในการจัดการศึกษาโดยผ่านระบบonline

โครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ ประเทศไทย และกระทรวงศึกษาธิการจีน โดยจะมีการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านต่าง ๆ เช่น ครูสอนภาษา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ การพัฒนา สื่อตำราเรียน โครงการโรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง การดำเนินการรับบริจาคเครื่องเพื่อนำเครื่องไปใช้ ในการเรียนการสอน คือ โครงการปลูกต้นกล้าปัญญาเด็กไทย ซึ่งปัจจุบันได้รับบริจาคเครื่องมาแล้ว ประมาณ 1900 เครื่องและได้แจกจ่ายไปยังโรงเรียนต่าง ๆ แล้วจำนวน 1300 เครื่อง เช่น โรงเรียนมุสลิมบำรุง จังหวัดยะลา โรงเรียนสีคิ้วหนองขาว จังหวัดนครราชสีมา โรงเรียนบ้านนาทราบ จังหวัดลำพูน โรงเรียนวัดสุพรรณพนมทอง จังหวัดพิษณุโลก โรงเรียนสระกำแพงวิทยาคม จังหวัด ศรีสะเกษ เป็นต้น และในระหว่างมีกำลังมีการดำเนินการซ่อมบำรุงอยู่ 600 เครื่อง โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี, เทคนิคมีนบุรี, เทคนิคราชสิทธาราม, เทคนิคปทุมธานี และ เทคนิคดอนเมือง เป็นหน่วยตรวจสอบและซ่อมบำรุงก่อนแจกจ่ายไปยัง โรงเรียนต่าง ๆ ทั้งนี้ ในส่วนของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้รับจากกระทรวง ICT จะส่งไปซ่อมบำรุงยัง วิทยาลัยเทคนิคทั้ง 5 แห่งก่อนกระจายไปยังโรงเรียน ต่าง ๆ ทั่วประเทศต่อไป” อนึ่ง ผู้ที่สนใจสามารถ แสดงความจำนงบริจาคคอมพิวเตอร์ได้ที่หมายเลข 1545 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และขอเชิญประชาชน ทั่วไปติดตามชมการถ่ายทอดสดในวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2546 เวลา 21.30 – 23.00 น. ณ สถานี โทรทัศน์ ช่อง 11 ซึ่งนอกจากจะบริจาคคอมพิวเตอร์แล้ว ผู้ที่สนใจสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ โครงการได้ด้วย



แหล่งที่มา http://www.it.mut.ac.th/news/ittechno/newtechno14.html
แหล่งที่มา http://www.thaigoodview.com/ict/main/what_ict.html

https://www.google.co.th/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=4&cad=rja&ved=0CEgQFjAD&url=http%3A%2F%2Fwww.kroobannok.com%2Fblog%2F47711&ei=HI-2Uar4OIm3rAecmIH4Cw&usg=AFQjCNFk6S91RzvwoOZfw1F_D3T5yTCh4w&sig2=tKmJDj9PyBP69OCJx8Ju-A&bvm=bv.47534661,d.bmk



การบำรุงรักษาคอมฯ

http://noomook-ict.exteen.com/20090812/ict




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น