
การออกแบบการเรียนการสอน
การจัดการศึกษาปัจจุบันยึดหลักว่า “ผู้เรียนสามารถศึกษาค้นคว้า ส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนาตนเองให้มีศักยภาพ หรือ เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยผู้สอนเป็นเพียงผู้คอยชี้แนะแนวทางการเรียนแบบต่างๆ เมื่อผู้เรียนได้รับการชี้แนะแล้วจะต้องศึกษาค้นคว้าพัฒนาการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นหลัก ทั้งนี้การเรียนการสอนปัจจุบันต้องเน้นการสร้างกระบวนการคิดและการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งนักเรียนจะต้องลงมือทำและสะท้อนความคิดจากประสบการณ์ต่างๆ ที่นักเรียนได้รับมาจากสิ่งที่นักเรียนสนใจ ทำให้เกิดความตระหนักในสิ่งที่ได้เรียนรู้ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ตามรูปแบบการเรียนรู้เชิงประจักษ์ เพราะเกิดจากการฝึกฝนการเรียนรู้ด้วยตนเอง การคิดทบทวนความรู้ การออกแบบพัฒนาการเรียนการสอนจึงเกิดจากความต้องการพัฒนาระบบการเรียนการสอนให้ดียิ่งขึ้น จึงได้มีการวิเคราะห์สภาพปัญหาและนำมาทดลองใช้แก้ปัญหาต่างๆ ด้วยการทดลองปฏิบัติและปรับปรุงเรื่อยมา จากการออกแบบพัฒนาการเรียนการสอนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนการสอนอย่างรวดเร็ว แต่การเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ในห้องเรียนยังมีการเปลี่ยนแปลงน้อยหรือไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย การเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงบทบาทผู้สอน จากการถ่ายทอดความรู้เป็นผู้คอยชี้แนะแก้ปัญหา ผู้ร่วมกิจกรรม เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น รู้จักสืบเสาะหาความรู้จากแหล่งทรัพยากรต่างๆ ด้วยเหตุนี้ผู้สอนจึงจำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถ มีบทบาทสำคัญต่อนักเรียนเพิ่มขึ้น ทั้งในการออกแบบ วางแผนพัฒนาหลักสูตรและการสอน การแนะนำและการประเมินผลการเรียน การเรียนรู้จึงเป็นกิจกรรมที่ซับซ้อนและได้มีการออกแบบพัฒนาการสอนที่ได้จากการเปลี่ยนแปลงแนวคิดที่เกิดจากตัวแปรหลายประการที่ทำให้แนวคิดเปลี่ยนไป ได้แก่ทฤษฎีการเรียนรู้และกระบวนการออกแบบและพัฒนาระบบการแก้ปัญหาการเรียนการสอน ได้รับการวางแผนที่เหมาะสม ปฏิบัติได้จริงด้วยการแก้ไขปัญหาได้ เป็นการช่วยลดช่องว่างระหว่างแนวทฤษฎีและการปฏิบัติได้ หลังจากนั้นจึงมีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการเรียนการสอน การแก้ปัญหา ผลิตสื่อใช้ในการเรียนรู้เพื่อลดภาระเวลาการสอนของผู้สอนได้ ช่วยให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนตามจุดมุ่งหมายการสอนการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลดอุปสรรคต่างๆ ในการออกแบบการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การออกแบบพัฒนาระบบการเรียนการสอน สามารถแบ่งออกเป็น 5 ลักษณะ ได้แก่ 1. การวิเคราะห์
โดยสภาพการมนุษย์มีความต้องการปัจจัยพื้นฐานของชีวิตและความต้องการในการดำเนินชีวิต ความต้องการนี่เองที่ทำให้มนุษย์คิดค้นวิธีการ สร้างสิ่งที่ตนต้องการให้มีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการมากที่สุด จึงเกิดแนวคิดเบื้องต้นในการออกแบบซึ่งจะต้องวิเคราะห์เป็นขั้นแรก ด้วยเหตุนี้เองการพัฒนาการเรียนการสอนจึงต้องมีการวิเคราะห์องค์ประกอบสำคัญเกี่ยวกับการเรียนการสอน แบ่งออกได้ 4 ประการ ได้แก่
ความจำเป็นหรือความต้องการทางการเรียน (Learning Needs Analysis) คือกระบวนการจำแนกให้ทราบความจำเป็น ปัญหาหรือเหตุผลในการออกแบบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจและกำหนดทิศทางในเชิงปฏิบัติ
ผู้เรียน (Learner Characteristics) คือ การวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เรียนในด้านต่างๆ เช่น ความรู้ ความคิด เจตคติและทักษะของผู้เรียน เป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมเบื้องต้น สิ่งที่ควรนำมาช่วยวิเคราะห์ คือ ข้อมูลทางวิชาการ ทักษะการสื่อสาร วิธีการเรียนรู้ คือความถนัดในการเรียนรู้ของนักเรียน บุคลิกภาพและเจตคติทางสังคม สุขภาพกายและสุขภาพจิต ลักษณะที่แตกต่างกันของผู้เรียน
เนื้อหา/ภารกิจ (Subject Content and Task Analysis) คือการกำหนดจุดมุ่งหมายทั่วไปของการเรียนการสอนขึ้นมาแล้วทำการวิเคราะห์เนื้อหา ภารกิจ ที่มีอิทธิพลสำคัญต่อการสร้างเจตคติและค่านิยม และแรงจูงใจต่อความรู้สึกของผู้เรียนที่แฝงอยู่ในกิจกรรมการเรียนการสอน
สภาพการณ์ (Instructional Situation Analysis) คือ การออกแบบการสอนใหม่ที่ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดและตัวแปรต่างๆ ได้แก่ ลักษณะของเนื้อหา/หลักสูตร บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ งบประมาณ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ลักษณะชุมชนและตลาดแรงงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลต่อการปรับปรุงหรือการออกแบบ จึงต้องมีการจัดลำดับความสำคัญของปัญหาหรือลดอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อป้องกันปัญหานี้จึงต้องมีการนำมาวิเคราะห์สภาพการณ์ต่างๆ ด้วย
2. การออกแบบ
ผลของการวิเคราะห์เป็นองค์ประกอบสำคัญในการนำมาออกแบบการพัฒนาการเรียนการสอน หมายถึงการนำเอาผลหรือความรู้นั้นมาเป็นข้อมูลในการออกแบบให้บรรลุจุดมุ่งหมายหรือแผนงาน จึงเป็นการวางแผนกระบวนการเรียนการสอน เริ่มต้นด้วยการกำหนดจุดมุ่งหมายการเรียนเชิงพฤติกรรม ยุทธศาสตร์และรูปแบบการสอน และการเลือกสื่อการเรียนการสอน เป็นแนวทางการพิจารณาเลือกหรือออกแบบด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย เพื่อมุ่งให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามลำดับขั้นก่อนการเรียนรู้จุดหมายปลายทาง
จุดมุ่งหมายการสอน หมายถึง ผลที่ได้จากการวิเคราะห์เนื้อหา ภารกิจ หลักสูตร จะนำมาเขียนหรือเลือกจุดมุ่งหมายชี้นำวิธีการปฏิบัติ ให้นักเรียนมีองค์ความรู้ เปรียบเทียบความรู้ใหม่เกิดความสัมพันธ์กับแนวคิดพื้นฐานเดิมของผู้เรียน สามารถมองเห็นความเหมือนหรือความแตกต่างในสิ่งที่เรียน โดยต้องผ่านกระบวนการทดสอบทั้งผู้สอนและผู้เรียนยอมรับ รับผิดชอบการออกแบบและพัฒนาการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี การจัดลำดับจุดมุ่งหมายอย่างมีเหตุผลมีความสัมพันธ์กับความก้าวหน้าด้านการเรียนรู้ หรือพฤติกรรมอื่นที่ซับซ้อนจึงต้องมีการจัดลำดับจุดมุ่งหมายการสอนอย่างเหมาะสม สามารถแบ่งองค์ประกอบได้ 4 ประการ คือ ผู้เรียน พฤติกรรม สภาพการณ์ และระดับความสามารถ
ทฤษฎีและรูปแบบการสอน การพัฒนายุทธศาสตร์การสอนต้องอาศัยข้อมูลของผู้เรียน วิธีการเรียนรู้ คุณลักษณะของเนื้อหาที่สอน และการเลือกยุทธศาสตร์การสอนที่มีประสิทธิผล จากลักษณะของผู้เรียนที่แตกต่างกัน อาจต้องกำหนดให้ผู้เรียนฝึกทางสติปัญญาและทักษะต่างๆ ยุทธศาสตร์การสอนจึงควรมีเนื้อหาและสื่อเรียนเป็นหลัก สามารถแบ่งรูปแบบการสอนได้ 4 กลุ่ม คือ เน้นกระบวนการความรู้ เน้นบุคคล เน้นปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เน้นพฤติกรรม
การออกแบบการสอน ต้องอาศัยข้อมูลข้อมูลของผู้เรียน การสะท้อนจุดมุ่งหมายของผู้เรียน การเรียนรู้ การสอนและการสื่อสาร วิธีการเรียนรู้ คุณลักษณะ ความแตกต่างกันของผู้เรียน ช่วยในการออกแบบการสอนตามยุทธศาสตร์จุดมุ่งหมายเพื่อฝึกสติปัญญาและทักษะต่างๆ จึงควรยึดผู้เรียน เนื้อหาและทรัพยากรการเรียนเป็นหลัก ส่วนทฤษฎีการสอน การเรียนรู้และการรับรู้ขึ้นอยู่กับตัวแปร คือ การกำหนดแนวทางการตอบสนอง การให้ข้อมูลย้อนกลับควรให้ทันทีภายหลังการฝึกปฏิบัติและเข้าใจง่าย การกระทำซ้ำให้เกิดการปรับปรุงการเรียนรู้ และเมื่อมีการเตรียมตัวล่วงหน้าด้วยการใช้สื่อที่เหมาะสมผู้เรียนจะตั้งใจเรียนมากกว่า
สื่อการเรียนการสอน การพิจารณาเลือกคุณลักษณะของสื่อหรือทรัพยากรการเรียนการสอนที่มีผลต่อการเรียนรู้จะช่วยเสริมแรงการเรียนรู้ให้กับนักเรียนมากขึ้น ลักษณะของข้อมูลย้อนกลับทางบวกหรือตัวแปรอื่นๆ และความแตกต่างของด้านช่องทางการสื่อสาร รูปร่างลักษณะของสื่อ ราคา ความสะดวก สื่อของจริง สื่อภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว สื่อประสม คอมพิวเตอร์ เกม และการจำลองสถานการณ์ สื่อกิจกรรม มีผลต่อแรงจูงใจของผู้เรียนเช่นกัน แต่ลื่อทั้งหลายก็มีข้อดีข้อจำกัด เมื่อนำมาใช้ต้องใช้เกณฑ์การพิจารณ์ความเหมาะสมต่อการจัดลักษณะกลุ่มผู้เรียน
3. การพัฒนา
การพัฒนาวัสดุและกิจกรรมการสอน คือการจัดการปรับปรุง ดัดแปลง หรือผลิตแผนการสอน วัสดุการเรียนการสอน เหตุการณ์ และกิจกรรมการเรียนการสอน รวมทั้งการจัดการด้านบุคลากร งบประมาณ และการบริการสนับสนุน กระบวนการพัฒนาการสอนต้องอาศัยยุทธศาสตร์และสื่อที่ควรพัฒนาให้เป็นวัสดุการเรียนการสอน ได้แก่ คู่มือการเรียน วัสดุการเรียนการสอน แบบทดสอบ คู่มือครูหรือแผนการสอน โดยผู้สอนเน้นกระบวนการพัฒนาการเรียนการสอนเป็นการชี้แนะ กำกับ นิเทศ ควบคุม เป็นผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรม ส่วนกระบวนการออกแบบการสอนเป็นการวางแผนการสอนรายวิชาหรือการเตรียมการสอน เรียกกันว่า “การบันทึกการสอน”
การเลือกระบบการเรียนการสอน ต้องพิจารณาเลือกระบบการสอนที่คุ้มกับประโยชน์ในการนำมาใช้สอนเป็นสำคัญ ซึ่งการใช้ระบบการเรียนจะใช้งบประมาณในระดับค่อนข้างสูง แต่ในขณะที่ผู้สอนหรือกิจกรรมการสอนมีผู้สอนเป็นฐานยังปฏิบัติภารกิจได้ไม่เต็มที่ กิจกรรมการเรียนการสอนเป็นเครื่องมือพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้มีทักษะและการเตรียมการสอนจริงไม่เพียงแต่บันทึกข้อมูลแผนการสอนไว้เท่านั้น แต่ยังนำมาพิจารณากำกับพฤติกรรมการเรียนของนักเรียนและผู้สอนให้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามเงื่อนไขการเรียนการสอนได้
4. การนำไปใช้
การจัดการเรียนการสอน สามารถจัดทำได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับสภาพการณ์การสอน เช่น ผู้เรียน เนื้อหาวิชา จุดมุ่งหมายการสอนและอื่นๆ ผู้สอนจะดำเนินการสร้างความพร้อมโดยการจัดเตรียมและจัดให้มีการทดสอบก่อนเรียนเพื่อสร้างความพร้อมให้กับผู้สอนและผู้เรียน สิ่งที่ต้องวางแผนคือ การกำหนดเวลาจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ผู้ที่เรียนช้าสามารถเรียนได้ทันเพื่อน ไม่เกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายในการเรียนจึงจะบรรลุจุดมุ่งหมายเนื้อหาสาระการสอนได้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ความรู้ความเข้าใจแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ เนื้อหาประเภทข้อเท็จจริง เนื้อหาประเภทหลักการและมโนทัศน์ และเนื้ออหาประเภทการคิดแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์ เจตคติหรือจิตพิสัยมีขั้นตอน 3 ขั้นคือ การรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ การเกิดความรู้สึกต่อสิ่งนั้น และมีแนวโน้มการแสดงพฤติกรรมในลักษณะของการชอบหรือเกลียดสิ่งนั้น เทคนิคการสอนเนื้อหาประเภททักษะ แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ การให้ความรู้ที่เกี่ยวกับทักษะที่จะเรียนรู้ การฝึกหเกิดทักษะโดยเริ่มจากการจำลองและปฏิบัติจริง เกิดทักษะเป็นการปฏิบัติกิจได้โดยอัตโนมัติ เนื้อหาทั้งสามประเภทนี้ต้องปฏิบัติควบคู่กันอยู่เสมอ
5. การประเมินและการปรับปรุง
การประเมินเป็นรูปแบบหนึ่งของการควบคุมคุณภาพการเรียนการสอน ถ้าผู้เรียนไม่เรียนหรือเรียนไม่ได้ ไม่ได้เป็นข้อบกพร่องของผู้สอนหรือระบบการเรียนการสอน เพราะคนทั่วไปเข้าใจว่าการสอนทำให้เกิดการเรียนรู้ ถ้าไม่เกิดความรู้แสดงว่าไม่ได้สอน แต่การประเมินที่ถูกต้องคือการประเมินการศึกษาภาพรวมของระบบการสอน เพื่อปรับปรุงแก้ไขการเรียนการสอนให้ดีขึ้น การประเมินโปรแกรมทำได้ 2 ลักษณะคือ การประเมินระหว่างดำเนินการและการประเมินผลรวม ซึ่งจะต้องมีการออกแบบการประเมินโดยบุคคลหรือกลุ่มคณะออกแบบและพัฒนาการสอนตรงตามเป้าหมายของการนำไปใช้สอนได้ การประเมินผลการเรียนเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการเรียนการสอน อาจวัดได้หลายวิธีแต่ที่นิยมมี 2 วิธี คือ การวัดแบบอิงกลุ่ม หมายถึงการนำผู้เรียนแต่ละคนไปเปรียบเทียบกับผู้เรียนคนอื่นๆ ในชั้นเรียนเดียวกันหรือระดับเดียวกัน ผู้เรียนจะเกิดการแข่งขันกัน ส่วนการวัดแบบอิงเกณฑ์ วัดความรู้ความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน โดยอิงเกณฑ์ตามจุดมุ่งหมายการเรียนเป็นหลัก ผู้เรียนจะแข่งกับตัวเอง พยายามเรียนรู้อย่างเต็มที่ด้วยตนเอง ในการประเมินโปรแกรมศึกษาโดยทั่วไปจะมีรูปแบบสำคัญ 4 กลุ่ม คือ 1)กลุ่มการประเมินที่ยึดวัตถุประสงค์และจุดมุ่งหมายโปรแกรมเป็นหลัก 2)กลุ่มการประเมินแบบตอบสนองที่ยึดความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องกับโครงการเป็นหลัก 3)กลุ่มการประเมินเพื่อการตัดสินใจ 4)กลุ่มการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ จึงกลายเป็นกระบวนการที่มีประโยชน์ เป็นแนวทางการตัดสินใจในการดำเนินการโปรแกรมและสุดท้ายต้องมีการรายงานผลการประเมินให้ผู้เกี่ยวข้องทราบด้วย
ตัวอย่าง
การออกแบบการเรียนออนไลน์ด้วย Moodle
เรื่อง การใช้งาน Social Network ด้วย Facebook และ Google Docs
ปัจจุบันคอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งด้านการจัดการศึกษา ช่วยส่งเสริมความพร้อมและสนับสนุนการเรียนรู้ สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งาน Facebook และ Google Docs ในการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพและเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว พฤติกรรมการใช้ Social Network มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงกลายเป็นที่รู้จักและเล่นกันอย่างแพร่หลาย นักเรียนสามารถใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเข้าถึงการบริการ เพื่อสนทนา ติดต่อสื่อสารกับเพื่อหรือคนรุ้จักได้ตลอดเวลา โต้ตอบ ฝากข้อความ แลกเปลี่ยนรูปถ่าย ภาพเคลื่อนไหวผ่านเครื่อง PC, Notebook, Smart Phone และ iPhone
ดังนั้น การใช้ Social Network ในการเรียนรู้ สามารถเชื่อมโยงผู้ใช้ในทิศทางต่างๆ มีพื้นที่ในการทำความรู้จักกัน โดยสามารถเลือกมีการมีปฏิสัมพันธ์กับใครก็ได้ตามต้องการ ส่วน Google Docs สามารถสร้างและการใช้เว็บไซต์ของกลุ่มหรือรายวิชาร่วมกันได้
หัวข้อที่ 1 : ให้นักเรียนสมัคร E-mail , สมัครสมาชิก Moodleและล็อกอินเข้าเรียน
นักเรียนสมัคร E-mail ผ่าน gmail.com ลงทะเบียนหรือล็อกอินเข้าสู่บทเรียน โดยระบุชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน เพื่อยืนยันการเข้าเข้าระบบทางอีเมล และล็อกอินเข้าระบบ
ให้นักเรียนลงทะเบียนเข้าเรียนประจำรายวิชา รายงานตัว กรอกข้อมูลประวัติ กำหนดชื่อแทนตัวเองอีเมล และรูปภาพแทนตัวตน หลังจากนั้นทุกคนร่วมตอบกระทู้แนะนำตัวเองให้เพื่อนๆ ได้ทราบเป็นข้อมูลเบื้องต้น ส่วนนักเรียนที่ยังไม่ได้สมัครเข้าใช้งาน Google Docs ให้ทำการสมัครผ่านเว็บไซต์ Gmail.com โดยนักเรียนจะต้องมีอีเมล Gmail เป็นของตนเองอย่างน้อย ๑ อีเมล เมื่อนักเรียนสมัครครบทุกคนแล้วผู้สอนจะแจ้งให้นักเรียนเทราบและกำหนดการใช้งานร่วมกัน
นักเรียนศึกษาข้อตกลงการศึกษาและข้อปฏิบัติเกี่ยวกับรายวิชา ศึกษาเอกสารและร่วมทำกิจกรรมประจำหัวข้อ ดังนี้
1) ศึกษาบทเรียนและเอกสาร
2) เข้าร่วมกิจกรรมในกระดานสนทนา ซักถามข้อสงสัย
3) โพสต์แสดงความคิดเห็นการเรียนออนไลน์ตามประเด็นที่กำหนด
จุดประสงค์การเรียนรู้
ผู้เรียนสามารถให้บอกประวัติความเป็นมาของ Facebook และ Google Docs จำแนกความสำคัญของแต่ละข้อ แนวคิดเกี่ยวกับการใช้งาน องค์ประกอบ โดยเน้นแนวคิดความสำคัญต่อการประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนได้
เนื้อหา
Facebook คือ บริการบนอินเทอร์เน็ตบริการหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารและร่วมทำกิจกรรมใดกิจกรรม หนึ่งหรือหลายๆ กิจกรรมกับผู้ใช้ Facebook คนอื่นๆ ได้ หรือการตั้งประเด็นถามตอบในเรื่องที่สนใจ โพสต์รูปภาพ โพสต์คลิปวิดีโอ เขียนบทความหรือบล็อก แชทคุยกันแบบสดๆ เล่นเกมส์แบบเป็นกลุ่ม (เป็นที่นิยมกันอย่างมาก) และยังสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ผ่านแอพลิเคชั่นเสริม (Applications) ที่มีอยู่อย่างมากมาย ซึ่งแอพลิเคชั่นดังกล่าวได้ถูกพัฒนาเข้ามาเพิ่ม เติมอยู่เรื่อยๆ
Google Docs คือเว็บไซต์ของ Google ที่ให้บริการสร้างเว็บไซต์ฟรี ซึ่งเราสามารถสร้างเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งลักษณะของเว็บไซต์ได้ตามความต้องการ สามารถรวบรวมความหลากหลายของข้อมูลไว้ในที่เดียวได้ เช่น วิดีโอ ปฏิทินการนําเสนอเอกสารหรือสิ่งที่แนบ และข้อความ รวมไปถึงความสามารถในการกําหนดความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์ด้วย
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
บทเรียน How to Facebook.mp4 นักเรียนต้องเปิดด้วย filefox, IE8 และ Chrome และติดตั้ง Plugin Windows Media Player
ศึกษาเอกสารประกอบการเรียนตอนที่ 1 :
E-Book การใช้งาน Facebook เบื้องต้น
การสร้างงานด้วย Google Docs จากเอกสารเรื่อง Google-Documents, การสร้างงานด้วย Google Docs ประกอบด้วย เอกสาร สเปรดชีต งานนำเสนอ ภาพวาด และฟอร์ม
เอกสารอ่านเพิ่มเติม ศึกษาบทเรียนบนเว็บไซต์ การสร้างงานด้วย Facebook และ Google Docs
กิจกรรมเรียนรู้
นักเรียนเล่าประสบการณ์การใช้ Facebook และ Google Docs ผ่านกระดานสนทนา
นักเรียนทบทวนบทเรียน เอกสารการเรียน และเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
ทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อวัดระดับความรู้นักเรียนเบื้องต้น
เข้าสู่บทเรียนออนไลน์
ถาม-ตอบระหว่างกัน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเรียนการสอนผ่าน Facebook และ Google Docs ผ่านกระดานเสวนา
ทำงานตามใบงานที่กำหนดขึ้น และส่งงานผ่าน Facebook และ Google Docs
แทรกคลิปวีดีโอจาก Youtube นำมาวางใน Facebook และแสดงความคิดเห็นจากประเด็นที่กำหนด
Google Docs
วิเคราะห์ผู้ฟัง จากการนำเสนอผลงาน
ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม
แสดงความคิดเห็น “การนำเสนอผลงานผ่าน Google Doc” โดยการสร้างงาน PowerPoint ใน Google Docs
เครื่องมือที่ใช้ / การเก็บข้อมูล
แบบกรอกประวัตินักเรียน
แบบบันทึกการใช้งานผ่าน Social Network ของนักเรียน
ใบงานการใช้ Facebook และ Google Docs โดยการทำงานกลุ่ม และการมีส่วนร่วมในการทำงาน
ผลการแก้ปัญหา
หลังจากทำการเรียนการสอนพบว่า Social Network เป็นเครื่องมือการเรียนการสอนที่เข้าถึงผู้เรียนได้ดีและรวดเร็ว ทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การทำงานและส่งงานรวดเร็ว โดยสังเกตจากการทำงานของนักเรียน ได้แก่
1.นักเรียนมีความสามารถเข้าถึง Facebook และ Google Docs ได้รวดเร็ว เพราะในชีวิตประจำวันนักเรียนมีการติดต่อสื่อสารระหว่างกลุ่ม เพื่อน คนรู้จัก มีทักษะการใช้งานเป็นประจำผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ส่วน Google Docs แม้นักเรียนจะยังไม่เคยใช้งาน แต่ไม่ได้ทำเกิดความยากในการใช้งานไม่ซับซ้อน ไม่ยากต่อการเรียนรู้ นักเรียนสามารถสร้างงานตามที่ผู้สอนกำหนด และส่งงานตามที่ได้รับมอบหมายได้
2.นักเรียนสามารถใช้ Facebook และ Google Docs ในการทำงานกลุ่ม โดยนักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการทำงาน เช่น การตั้งชื่อกลุ่ม การแทนชื่อตนเองบนเว็บไซต์ การใช้สีอักษรในการทำงานที่แตกต่างกันทำให้สังเกตได้ง่ายว่าผู้ใดทำงานหรือไม่ทำงาน รวมถึงการสนทนาบนกระดานสนทนา การซักถามประเด็นที่เกี่ยวข้อง
3.นักเรียนที่ไม่เข้าเรียนในกลุ่ม ไม่สนทนาถาม-ตอบกับกลุ่มเพื่อน หัวหน้ากลุ่มจะต้องติดตาม ผู้สอนถามประเด็นปัญหาการไม่เข้าเรียน และร่วมแก้ปัญหานักเรียนรายบุคคลต่อไป
สิ่งที่ได้จากการเรียนในตอนที่ 1 (การวิเคราะห์)
การศึกษาวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมด้วยการละลายพฤติกรรมให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น แนะนำตัว การกรอกประวัตินักเรียนทำให้ทราบข้อมูลเบื้องต้น สร้างปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนนักเรียนและผู้สอน ทำการสอบวัดความรู้เบื้องต้นด้วยแบบทดสอบก่อนเรียน นำผลที่ได้มาประเมินค่าพื้นฐาน วิเคราะห์ผู้เรียน เนื้อหาข้อสอบ และจัดเก็บแบบทดสอบที่มีความสมบูรณ์เหมาะสมไว้สอบหลังเรียน แบบทดสอบต้องมีกระบวนการคิดของผู้เรียน ความสามารถในการอ่าน การใช้ศัพท์ของผู้สอน ลักษณะเด่น ข้อบกพร่องของข้อสอบแต่ละข้อเพื่อนำไปใช้ให้เหมาะสม ได้จากการวางแผน จุดประสงค์ที่เหมาะสมกับคะแนนตามสถานการณ์ ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้มากขึ้น ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจและการเรียนรู้ร่วมกัน โดยใช้กระดานสนทนา อภิปรายแสดงความคิดเห็น การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างการเรียนผ่านห้องสนทนา
ประโยชน์
ตอนที่ 2 การออกแบบ
หัวข้อนี้จะสรุปบทเรียนของหัวข้อที่ผ่านมาถึงกิจกรรมต่างๆ อันสะท้อนถึงเป้าหมายการเรียน ที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการออกแบบสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย เช่น นักศึกษา สำหรับครู นักเรียนชั้นมัธยม และกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ในขณะที่หัวข้อแรกเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลองวิเคราะห์การใช้งานออนไลน์ Facebook และ Google Docs ซึ่งเป็นการมองกลับไปดูว่า ในแต่ละกลุ่ม มีการออกแบบอย่างไร เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบการเรียน ในหัวข้อที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนเห็นว่าองค์ประกอบใดเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ของการออกแบบการเรียนการสอน ซึ่งมีผลต่อแรงจูงใจในการเข้าเรียน
กิจกรรมในหัวข้อที่ 2 เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนของการออกแบบการเรียนออนไลน์ ซึ่งในการออกแบบดำเนินการตามขั้นตอน ADDIE อันประกอบด้วย A = Analysis (การวิเคราะห์) D = Design (การออกแบบ) D = Development (การพัฒนา) I = Implementation (การนำไปใช้) และ E = Evaluation (การประเมินผล)
รายละเอียดกิจกรรม
1) ศึกษาบทเรียน เอกสารการเรียน E-Book และเอกสารที่เกี่ยวข้อง
2) เข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้
3) โพสต์ Online Learning Log ตามประเด็นที่กำหนด
4) ลงชื่อสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเตรียมพร้อมสำหรับทำกิจกรรม
จุดประสงค์การเรียนรู้
นักเรียนสามารถวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ กลุ่มเป้าหมาย วัตถุประสงค์ เนื้อหา บริบทการเรียน เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบและพัฒนาการสร้าง Facebook และ Google Docs สำหรับการเรียนได้
นักเรียนสามารถวิเคราะห์โครงสร้าง Facebook และ Google Docs เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์สำหรับการเรียนการสอนได้
นักเรียนสามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์องค์ประกอบที่สำคัญของ Facebook และ Google Docs ที่ีประสิทธิภาพสำหรับการเรียนได้
เนื้อหาการเรียน
ลักษณะและรูปแบบการสร้างกลุ่มการเรียน Facebook (กลุ่มเปิด, กลุ่มปิด, กลุ่มลับ) และ Google Docs
การเรียนรู้และการประยุกต์ใช้ Facebook และ Google Docs (การสร้างกิจกรรมในกลุ่ม)
สำรวจการใช้งาน Facebook และ Google Docs จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ
เครื่องมือที่ใช้ออกแบบและพัฒนาการเรียนบน Facebook และ Google Docs
เอกสารประกอบการเรียนที่ 2.1
เอกสารประกอบการเรียนที่ 2.2
กิจกรรมเรียนรู้
กระดานเสวนา : รูปแบบการสร้างกลุ่มการเรียน Facebook และ Google Docs
กระดานเสวนา : การประยุกต์ใช้ Facebook และ Google Docs ในการทำงาน
กระดานเสวนา : สำรวจการใช้งาน Facebook และ Google Docs
กระดานเสวนา : เครื่องมือที่ใช้ออกแบบและพัฒนาการเรียนบน Facebook และ Google Docs
กระดานเสวนา : ถาม-ตอบประเด็นปัญหาการใช้งาน Facebook และ Google Docs ระหว่างกัน
นักเรียนลงชื่อทำกิจกรรม และแบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 3-5 คน หรือทำงานเดี่ยวแต่ต้องได้รับการพิจารณาจากผู้สอน
กระดานเสวนา : ลงชื่อทำงานเดี่ยว
กระดานเสวนา : ลงชื่อกลุ่มที่ 1
กระดานเสวนา : ลงชื่อกลุ่มที่ 2
กระดานเสวนา : ลงชื่อกลุ่มที่ 3
ส่งงานผ่าน Facebook และ Google Docs
หัวข้อที่ 3 การพัฒนา (Develop)
จากการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในตอนที่ 2 นักเรียนได้ออกแบบการสร้างกลุ่มบน Facebook และ Google Docs ตามความเหมาะสม โดยเลือกกลุ่มเป้าหมาย วัตถุประสงค์ องค์ประกอบที่สำคัญ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่นักเรียนจะต้องลงมือปฏิบัติ และลงชื่อเข้าสมัครเรียนในกลุ่มอื่น นำผลการศึกษาในกลุ่มที่นักเรียนได้ศึกษามาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสมาชิกในกลุ่ม นำผลที่ได้จากการสนทนาแลกเปลี่ยนมาปรับปรุงเพื่อพัฒนาชิ้นงาน หรือนำจุดเด่นของกลุ่มอื่นๆ ผสมผสานพัฒนาชิ้นงานกลุ่มของตนเองได้ สมาชิกในกลุ่มต้องใช้เครื่องมือการสื่อสาร Facebook, Google Docs และ Chatroom ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน โดยผู้สอนจะคอยกำกับ ควบคุมดูแลการเข้าเรียนของนักเรียนแต่ละกลุ่ม และรายบุคคล ตรวจสอบการร่วมมือในการเรียนภายในกลุ่ม ในด้านการอภิปราย ติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ใน Google Docs นักเรียนอาจพิจารณาใช้สี เช่น ภายในกลุ่มมีนักเรียน 5 คน ใช้คนละสีแต่ไม่ซ้ำกัน รวมแล้วมี 5 สี และภายในกลุ่มต้องมีการนัดหมายร่วมประชุมกันเพื่อแบ่งบทบาทหน้าที่รับผิดชอบแต่ละคน กำหนดสิทธิ์ในการทำงานร่วมกัน ในการทำงาน Facebook, Google Docs และ Chatroom ในประเด็นที่ผู้สอนกำหนดให้ ผู้สอนร่วมประเมินงานกลุ่มของนักเรียน สรุปงานที่จะต้องส่ง พร้อมทั้งเสริมแรงให้นักเรียนมีแรงจูงใจต่อการเรียนมากยิ่งขึ้น
จุดประสงค์การเรียนรู้
ผู้เรียนสามารถระบุและวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบที่สำคัญของเว็บไซต์สำหรับใช้ในการเรียน Facebook และ Google Docs ได้
ผู้เรียนสามารถพัฒนาประยุกต์ใช้แนวทางในการออกแบบและพัฒนา Facebook และ Google Docs ได้
เนื้อหาการเรียน
ออกแบบการเรียน Facebook ได้แก่ สร้างกลุ่ม, สร้างกิจกรรม, ตารางนัดหมาย, สร้างหน้า Page และ สร้าง Quiz ข้อสอบ
ออกแบบการเรียน Google Docs ได้แก่ การสร้างเอกสาร, การสร้างสเปรดชีต, การสร้างงานนำเสนอ, สร้างภาพวาด, การสร้างฟอร์ม สร้างเอกสารและกำหนดสิทธิ์ใช้งานร่วมกัน
เอกสารประกอบการเรียน ได้แก่ เอกสารการสร้างหน้าเพจ, สอนวิธีทํา quiz ใน facebook, เอกสารการสอน Google Documents, การสร้างตารางด้วยสเปรดชีต, การสร้างแบบสอบถามด้วย Form
กิจกรรมเรียนรู้
Facebook :
กระดานเสวนา : กิจกรรมที่ 1 สร้างกลุ่ม
กระดานเสวนา : กิจกรรมที่ 2 สร้างกิจกรรม
กระดานเสวนา : กิจกรรมที่ 3 ตารางนัดหมาย
กระดานเสวนา : กิจกรรมที่ 4 สร้างหน้า Page หน้าแฟนเพจ
กระดานเสวนา : กิจกรรมที่ 5 สร้าง Quiz ข้อสอบ
Google Docs :
กระดานเสวนา : กิจกรรมที่ 1 การสร้างเอกสาร (ประเภทข้อความ txt, HTML)
กระดานเสวนา : กิจกรรมที่ 2 การสร้างสเปรดชีต (แปลงสเปรดชีต .xls, .xlsx และ .ods ไม่เกิน 20M)
กระดานเสวนา : กิจกรรมที่ 3 การสร้างงานนำเสนอ (แปลงงานนำเสนอ .ppt, และ .pps ไม่เกิน 10M)
กระดานเสวนา : กิจกรรมที่ 4 การสร้างวาดภาพ (แปลงภาพวาด ไม่เกิน 2M)
กระดานเสวนา : กิจกรรมที่ 5 การสร้างฟอร์ม
กระดานเสวนา : ถาม-ตอบระหว่างกัน “การทำงานร่วมกันในแบบออนไลน์ และการเผยแพร่”
Facebook
|
Google Docs
|
สมัคร
Facebook
(ถ้ามีแล้วให้ข้าม)
|
สมัคร
Gmail.com
(ถ้ามีแล้วให้ข้าม)
|
สร้างกลุ่ม
และตั้งชื่อกลุ่ม
|
สร้างกลุ่ม
และตั้งชื่อกลุ่ม
|
โพสต์ข้อความสั่งงาน
หรือนัดหมาย
|
โพสต์ข้อความสั่งงาน
หรือนัดหมาย
|
โพสต์รูปภาพจาก
PowerPoint,
Google Doc
|
อัพโหลดรูปภาพ
|
อัพโหลดไฟล์อื่นๆ
เพื่อให้เพื่อนดาวน์โหลด
|
แชร์ไฟล์ให้เพื่อนๆ
ร่วมทำงาน
|
หัวข้อที่ 4 การนำไปใช้
บทเรียนนี้ นักเรียนที่ยังไม่ได้ส่งงานที่ได้รับมอบหมาย ขอให้ตรวจสอบรายชื่อกิจกรรมการเรียนการสอน (ส่งการบ้าน) ตามลิงค์ด้านส่งการบ้าน นักเรียนที่ยังไม่ได้ส่งขอให้รีบดำเนินการตามกำหนด สัปดาห์นี้จะเริ่มการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ และทฤษฎีด้านการออกแบบการเรียนด้วย Facebook และ Google Docs เพื่อให้การออกแบบของนักเรียนตรงตามจุดประสงค์ ซึ่งจะนำไปสู่การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเนื้อหาการเรียนจะกล่าวถึงขั้นตอนการพัฒนา (Development) ที่มีรูปแบบแตกต่างกันออกไป จะเน้นในเรื่องของการจัดการเนื้อหา เน้นรูปแบบที่สวยงาม จัดการการเรียนการสอน การติดตามการเรียนของผู้เรียน และระบบสนับสนุนการเรียนต่างๆ สามารถเข้าเรียนได้ทาง M-Learning หรือลองใช้ smart phone เข้าเรียนได้
การศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และนำความรู้ที่ได้ไปร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันในการพัฒนา Facebook และ Google Docs ของกลุ่มให้เสร็จสมบูรณ์ ศึกษาในบทเรียนที่เกี่ยวข้อง ผู้สอนจะเข้าไปเยี่ยมชมการทำงานในกลุ่มแต่ละกลุ่ม เพื่อศึกษาว่านักเรียนได้ร่วมงานกันเป็นทีมหรือไม่ อย่างไร ถ้ามีการร่วมทำงานกันดี ผู้สอนจะแสดความชื่นมที่มีการร่วมปรึกษา แสดงความคิดเห็น และร่วมแก้ปัญหาการทำงาน ติดตามนักเรียนที่ไม่เข้าร่วมกิจกรรม หรือขาดหายเป็นบางช่วงเวลา ไม่ทำงานส่งหรือส่งยังไม่ครบจำนวนชิ้นงาน ตามลำดับ ต่อจากนั้นจะมีการมอบหมายงานโดยจะมีทั้งงานเดี่ยวและงานกลุ่ม ดังนี้
1) งานกลุ่ม ให้นักเรียนร่วมศึกษาและอภิปรายเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนรู้ (เอกสารแนบ) และหลักการวิธีการออกแบบฯ (เอกสารแนบ) สามารถสืบค้นเนื้อหาเพิ่มเติม จากนั้นขอให้แต่ละกลุ่มประยุกต์ใช้การออกแบบ โดยแสดงสัญลักษณ์ถึงการได้ร่วมอภิปราย เน้นเนื้อหาที่ต้องการจากการใช้ความรู้ต่างๆ บันทึกเป็นไฟล์ภาพนำไปวางในกระดานสนทนา เพื่อให้เพื่อนๆ หรือกลุ่มอื่นได้ร่วมแสดงความคิดเห็น หากกลุ่มใดหรือนักเรียนใดที่ยังไม่ใช้โปรแกรม Google Docs ไม่เป็นควรศึกษาวิธีการจากเอกสาร บทเรียน ขั้นตอนการใช้งานหรือสอบถามหัวหน้ากลุ่ม ก่อนทำงานส่งทุกครั้ง
2) งานเดี่ยว ศึกษาบทเรียนและเอกสาร E-Book (เอกสารแนบ) เข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้ นำกิจกรรมของนักเรียน บันทึกเป็นไฟล์ภาพ สำเนาลงในกระดานสนทนาให้เพื่อนๆ ร่วมโพสต์แสดงความคิดเห็น และร่วมแสดงความคิดเห็นในกลุ่มอื่นๆ ด้วย จากนั้นโพสต์ Online ตามประเด็นที่กำหนด ผู้เรียนค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมมาแลกเปลี่ยนกับสมาชิกในกลุ่มเพื่อเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ และนำมาใช้การพัฒนา Facebook และ Google Docs โดยสามารถใช้เครื่องมือที่มีในโปรแกรมหรือวิธีการอื่นๆ ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้ตามความสะดวกของผู้เรียน และนักเรียนต้องสรุป เชื่อมโยงประสบการณ์ นำผลการแลกเปลี่ยนความรู้ลงในบันทึกผลการประชุมของแต่ละกลุ่ม โดยส่งตัวแทนนำเสนอตัวอย่างการพัฒนาโครงการของกลุ่มตนเองใน PowerPoint Online
จุดประสงค์การเรียนรู้
ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้การเรียนรู้ และหลักการออกแบบฯ Facebook และ Google Docs สำหรับใช้ในการเรียนการสอนแบบออนไลน์ได้
ผู้เรียนสามารถระบุและวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบที่สำคัญของ Facebook และ Google Docs สำหรับใช้ในการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ในรูปแบบจัดการและจัดการการเรียนการสอนได้
ผู้เรียนสามารถพัฒนาประยุกต์ใช้องค์ประกอบที่สำคัญของจัดการเว็บไซต์ Facebook และ Google Docs การจัดการการเรียนการสอน ในการออกแบบบทเรียนออนไลน์ได้ โดยเน้นที่ความสำคัญและการใช้งานตามสภาพจริง
เนื้อหาการเรียน
แหล่งข้อมูล : การติดตั้งโปรแกรมเสริม
แหล่งข้อมูล : การทำลิ้งข้อมูล
แหล่งข้อมูล : กลุ่มการเรียน
แหล่งข้อมูล : การจัดการเพจ
แหล่งข้อมูล : การใช้แบบทดสอบ
แหล่งข้อมูล : รูปแบบคำถาม
แหล่งข้อมูล : การนำแบบสอบถามไปใช้งานจริง
แหล่งข้อมูล : การเข้าดูข้อมูลผู้ตอบแบบสอบถาม
แหล่งข้อมูล : การจัดการฟอร์ม
แหล่งข้อมูล : การแชร์ไฟล์เพื่อเผยแพร่
กิจกรรมเรียนรู้
การบ้าน : นำเสนอความคืบหน้าของงานที่ได้รับมอบหมาย เพื่อเป็นตัวช่วยให้งานแต่ละกลุ่มขับเคลื่อนได้มากขึ้น ผู้สอนจึงได้จัดเตรียมเครื่องมือ เพื่อช่วยในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันในการทำงานกลุ่มและเสริมแรงให้ทุกกลุ่มมีแรงจูงใจการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ
กระดานเสวนา : กลุ่มที่ 1
กระดานเสวนา : กลุ่มที่ 2
กระดานเสวนา : กลุ่มที่ 3
กระดานเสวนา : การนำไปใช้งานจริง, ชีวิตประจำวัน
กระดานเสวนา : การประยุกต์ใช้ ผลที่ได้จากเรียน
กระดานเสวนา : ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนรู้ประจำหัวข้อ
กระดานเสวนา : ถาม-ตอบระหว่างกัน
หัวข้อที่ 5 การประเมิน
กิจกรรมนี้ ขอให้นักเรียนนำเสนองานที่ได้พัฒนาขึ้น โดยการบันทึกภาพหน้าจอและแนบเอกสารที่ได้ทำไว้ รวมถึงอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการพัฒนา Facebook และ Google Docs ของแต่ละกลุ่ม นักเรียนประเมินงานของกลุ่มตัวเอง และของกลุ่มอื่น โดยใช้แนวทางจากเอกสารเกี่ยวกับแนวทางในการประเมินการเรียน ผลการประเมินที่ได้ขอให้นำไปใช้เพื่อปรับปรุง Facebook และ Google Docs ให้ดียิ่งขึ้น
เกณฑ์การประเมินได้แนบมาพร้อมแล้ว โดยพิจารณาเกณฑ์การประเมินผลงานกลุ่มของนักเรียน และส่งตัวแทนร่วมสรุปผลงาน จุดเด่น ข้อเสนอแนะ สิ่งที่ควรปรับปรุงพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
งานในหัวข้อนี้ ผู้สอนเปิดโอกาสให้นักเรียนได้จัดการงานของตนเองที่ยังค้างอยู่ นำส่งให้เรียบร้อย เพราะเป็นเรืองการเรียนการสอนสุดท้าย นอกจากนั้นจะเป็นการทดสอบวัดความรู้หลังเรียน ซึ่งนักเรียนสามารถนำหนังสือ เอกสารการเรียน และการสรุปผลการนำเสนอกลุ่ม ประกอบการสอบในครั้งนี้ได้ (Open Book) โดยแต่ละกลุ่มจะต้องเล่าถึงกระบวนการในการออกแบบและพัฒนา Facebook และ Google Docs และโพสต์ผลงานที่ได้พัฒนาแล้ว ทำลิ้ง แชร์ไฟล์ ผ่าน Facebook และ Google Docs ให้ผู้สนใจได้ร่วมศึกษา
กิจกรรมนี้เป็นเรื่องสุดท้าย ให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น ติ-ชม หรือให้คำเสนอแนะสำหรับรายวิชา สิ่งที่นักเรียนอยากเสนอต่อผู้สอนเพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงแก้ไขในการสอนครั้งต่อไป หรือสิ่งอื่นๆ ที่นักเรียนคิดว่ามีประโยชน์และเหมาะสมในการเรียน นักเรียนสามารถส่งข้อความ โพสต์ในการดานเสวนา ส่งทางอีเมลให้ผู้สอนได้รับทราบ ผู้สอนขอขอบคุณนักเรียนทุกคนที่ให้ความร่วมมือ ตั้งใจศึกษาในการเรียนออนไลน์ผ่าน Facebook และ Google Docs สามารถนำไปใช้พัฒนาการเรียนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
เนื้อหาประจำสัปดาห์
แหล่งข้อมูล : แนวทางในการประเมิน Facebook
แหล่งข้อมูล : แนวทางในการประเมิน Google Docs หรือออนไลน์
กิจกรรมเรียนรู้ประจำสัปดาห์
กระดานเสวนา : ประเมินงานกลุ่ม
กระดานเสวนา : จุดเด่น สรุปผลงาน
กระดานเสวนา : ข้อเสนอแนะ สิ่งที่ควรปรับปรุงพัฒนา
สรุป
การจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์สามารถใช้กระบวนการประมวลรายวิชา ตารางเรียน เนื้อหากิจกรรม ข่าวประชาสัมพันธ์ เอกสารประกอบการเรียน แบบทดสอบ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อภิปราย ห้องสนทนา โต้ตอบ แหล่งสนับสนุนการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม รายงานผลการประเมิน ประวัติการเรียน และสุดท้ายการออกจากบทเรียน ซึ่งทุกกระบวนการสามารถนำมาวิเคราะห์ประเมินระบบการเรียนการสอนเพื่อนำไปออกแบบการสอนให้มีประสิทธิภาพต่อผู้สอนและผู้เรียน นักออกแบบและพัฒนาต้องเข้าใจ มีความรู้ความสามารถต่อการประยุกต์ใช้การแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพการศึกษา การประเมิน การจัดการ การเผยแพร่นวัตกรรมใหม่ๆ ต้องมีปัจจัยสนับสนุนการใช้ การจัดการของนักออกแบบต้องยึดหลักความสำคัญในการจัดการ 5 ประการ คือ การวางแผน การรวบรวมจัดองค์กร การประสานงาน การประเมิน และการรายงานผล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น